นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ (Website Security Policy)
(1) มาตรการ และวิธีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ (หน่วยงาน/เว็บไซต์) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้บริการจากการถูกทำลาย หรือบุกรุกจากผู้ไม่หวังดี หรือผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล จึงได้กำหนดมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ โดยใช้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูง ด้วยเทคโนโลยี Secured Socket Layer (SSL) หรือ Transport Layer Security (TLS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้คู่กับโปรโตคอล HTTP ในการเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของ (หน่วยงาน/เว็บไซต์) ทำให้ผู้ที่ดักจับข้อมูลระหว่างทางไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ โดยจะใช้การเข้ารหัสเป็นหลักในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยผู้ใช้บริการสามารถสังเกตได้จากชื่อโพรโตคอลที่เป็น https://
- SSL เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย Netscape ในปี 1995 สำหรับการเชื่อมต่อแบบความปลอดภัย (secure connection protocol) ระหว่างเว็บเบราว์เซอร์และเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบอื่นๆ ที่ใช้การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต โดย SSL จะช่วยเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกส่งไปยังเว็บไซต์เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูลและการแฮกเกอร์ที่อาจจะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ SSL ยังช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถตรวจสอบได้ว่าเว็บไซต์ที่พวกเขาเยี่ยมชมเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องและมีความปลอดภัยหรือไม่ โดยการมองหาตัวรับรอง SSL ที่ปรากฏอยู่บนเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งจะแสดงว่าการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์นั้นเป็นการเชื่อมต่อแบบปลอดภัย (secure connection)
- TLS ถือเป็นเวอร์ชันที่พัฒนามาจาก SSL และมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ โดยทั่วไปแล้ว TLS ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขบางข้อจำกัดที่พบใน SSL และป้องกันการโจมตีแบบใหม่ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ TLS ยังมีการเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยสูงกว่า SSL โดยเฉพาะในการเข้ารหัสแบบก้าวหน้า (advanced encryption) ซึ่งทำให้มีความสามารถในการป้องกันการดักจับข้อมูลและการแฮกเกอร์ที่สูงกว่า SSL อีกด้วย ดังนั้น TLS ถือว่าดีกว่า SSL เนื่องจากมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ TLS ยังเป็นโปรโตคอลที่ได้รับการยอมรับและใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ ใช้ TLS เป็นโปรโตคอลสำหรับการเชื่อมต่อแบบความปลอดภัย
- ปัจจุบัน TLS 1.3 ถือเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ TLS โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ ใช้การเข้ารหัสแบบก้าวหน้า (advanced encryption) และลดการใช้งานทรัพยากรของเว็บเซิร์ฟเวอร์ (handshaking) ที่เป็นจุดอ่อนของเวอร์ชันก่อนหน้า นอกจากนี้ TLS 1.3 ยังมีการปรับปรุงเรื่องการจัดการรหัสลับที่ใช้ไปแล้ว (forward secrecy) และการลดการใช้งานของการเข้ารหัสแบบก้าวหน้าเมื่อเว็บไซต์มีการส่งข้อมูลใหญ่ๆ ที่อาจจะทำให้เกิดช่องโหว่ (vulnerabilities) ขึ้นได้ - ขนาดของ SSL/TLS (key size) ที่แนะนำคือขั้นต่ำ 128 bits ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูงและยากต่อการถอดรหัส และมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในการป้องกันการขโมยข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูล 175a0ed1- 42 - จากบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งาน 128-bits encryption ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีด้วย bruteforce attack ที่ใช้เวลาและทรัพยากรมากเพื่อลองทำลาย key ได้ ดังนั้น ในการเลือกใช้ encryption นั้นจะต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ เช่น อัลกอรึทึม (algorithm) และการส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของการสื่อสารในระบบอีกด้วย
- QUIC (Quick UDP Internet Connections) เป็นโปรโตคอลของการเชื่อมต่อระหว่างเว็บเบราว์เซอร์และเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้โพรโทคอล UDP แทน TCP ที่ใช้ใน HTTP และ HTTPS โดยทั่วไปถูกพัฒนาขึ้นโดย Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการเชื่อมต่อ เนื่องจาก TCP มีปัญหาบางอย่าง เช่น การควบคุมการถ่ายโอนข้อมูล (congestion control) ที่ช้า และต้องมีการส่งข้อมูลซ้ำๆ(retransmission) ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเรียกใช้เว็บไซต์ QUIC ยังมีความเร็วในการเชื่อมต่อที่ดีกว่า TCP และมีความปลอดภัยสูงกว่าด้วยการเข้ารหัสข้อมูลและการยืนยันตัวตน นอกจากนี้ QUIC ยังสามารถปรับปรุงและพัฒนาการเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องรอการอัพเดตโปรโตคอลใหม่ ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่ดีกว่าในระยะยาวและช่วยลดการเกิดช่องโหว่จากการใช้งานโปรโตคอลเดิม - การติดตั้ง QUIC สามารถดำเนินการได้ผ่านโปรโตคอล HTTP/3 แต่ยังถูกจำกัดกับเว็บเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์บางรุ่น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ อาจจะมีการใช้งานที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น และ มีการรองรับมากยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกในการติดตั้งและใช้งาน
(2) เทคโนโลยีเสริมที่นำมาใช้ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย นอกจากมาตรการ และวิธีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยโดยทั่วไปที่กล่าวข้างต้นแล้ว (หน่วยงาน/เว็บไซต์) ยังใช้เทคโนโลยีระดับสูงดังต่อไปนี้ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของท่าน
- Firewall เป็นระบบซอฟท์แวร์ที่จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิ หรือผู้ที่ (หน่วยงาน/เว็บไซต์) อนุมัติเท่านั้นจึงจะผ่าน Firewall เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้
- Scan Virus นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ให้บริการจะมีการติดตั้ง Softwareป้องกัน Virus ที่มีประสิทธิภาพสูงและ Update อย่างสม่ำเสมอแล้ว (หน่วยงาน/เว็บไซต์) ยังได้ติดตั้ง Scan VirusSoftware บนเครื่อง Server โดยเฉพาะอีกด้วย
- Cookies เป็นไฟล์คอมพิวเตอร์เล็กๆ ที่จะทำการเก็บข้อมูลชั่วคราวที่จำเป็นลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขอใช้บริการ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร อย่างไรก็ตาม (หน่วยงาน/เว็บไซต์) ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี จึงหลีกเลี่ยงการใช้ Cookies แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้ Cookies บริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ตระหนักถึงความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ขอรับบริการเป็นหลัก
- Auto Log off ในการใช้บริการของ (หน่วยงาน/เว็บไซต์) หลังจากเลิกการใช้งานควร Log off ทุกครั้ง กรณีที่ผู้ใช้บริการลืม Log off ระบบจะทำการ Log off ให้โดยอัตโนมัติภายในเวลาที่ เหมาะสมของแต่ละบริการ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเอง175a0ed1- 43 -
- การใช้งานใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) สำหรับการรับรองSSL/TLS key จากผู้ให้บริการออกใบรับรอง (Certificate Authority) ที่น่าเชื่อถือ ก็สามารถเสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการเว็บไซต์ได้ในการยืนยันว่า เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นจริง เนื่องจากการได้รับใบรับรองที่น่าเชื่อถือจำเป็นที่จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อยืนยันความมีอยู่จริงของหน่วยงาน และมีการถูกเพิกถอนกรณีเว็บไซต์ดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือ สามารถศึกษาเพิ่มได้จากเว็บไซต์ผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ NRCA Thailand (https://www.nrca.go.th/)
(3) ข้อแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย แม้ว่า (หน่วยงาน/เว็บไซต์) จะมีมาตรฐานเทคโนโลยีและวิธีการทางด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงเพื่อช่วยมิให้มีการเข้าสู่ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับของท่านโดยปราศจากอำนาจตามที่กล่าวข้างต้นแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไปว่า ปัจจุบันนี้ยังมิได้มีระบบรักษาความปลอดภัยใดๆ ที่จะสามารถปกป้องข้อมูลของท่านได้อย่างเด็ดขาดจากการถูกทำลายหรือถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ปราศจากอำนาจได้ ดังนั้น ท่านจึงควรปฏิบัติตามข้อแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังต่อไปนี้ด้วย คือ
- ระมัดระวังในการ Download Program จาก Internet มาใช้งาน ควรตรวจสอบAddress ของเว็บไซต์ให้ถูกต้องก่อน Login เข้าใช้บริการเพื่อป้องกันกรณีที่มีการปลอมแปลงเว็บไซต์
- ควรติดตั้งระบบตรวจสอบไวรัสไว้ที่เครื่องและพยายามปรับปรุงให้โปรแกรม ตรวจสอบไวรัสในเครื่องของท่านมีความทันสมัยอยู่เสมอ
- ติดตั้งโปรแกรมประเภท Personal Firewall เพื่อป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์จากการจู่โจมของผู้ไม่ประสงค์ดี เช่น Cracker หรือ Hacker




